วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555

หลักการเบื้องต้นของการแก้ปัญหา

                                                หลักการเบื้องต้นของการแก้ปัญหา

ในการดำรงชีวิตประจำวัน การเรียน หรือการทำงาน  จะพบปัญหาหรือความต้องการที่เกิดขึ้นตลอดเวลา จึงต้องคิดหาวิธีการปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหานั้นๆโดยปัญหาหนึ่งๆอาจมีวิธีการแก้ปัญหาได้หลายวิธี
ซึ่งแต่ละวิธีจะมีขั้นตอนและระยะเวลาในการปฏิบัติที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงต้องกำหนดและเลือกวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด

                    การแก้ปัญหาสามารถกำหนดเป็นขั้นตอนได้ดังนี้








ขั้นที่1 ทำความเข้าใจปัญหา
เป็นขั้นตอนในการทำความเข้าใจปัญหาหรือความต้องการอย่างละเอียด  โดยการแยกแยะว่ามี่ข้อมูลอะไร อะไรคือปัญหา หรือต้องการให้หาอะไร แล้วพิจารณาว่าข้อมูลและเงื่อนไขที่กำหนดให้เพียงพอที่จะหาคำตอบของปัญหาหรือไม่ ถ้าไม่เพียงพอให้หาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อที่จะสามารถแก้ปัญหาได้

ขั้นที่2 หาและเลือกวิธีการแก้ปัญหา

ปัญหาหนึ่งๆอาจมีวิธีการแก้ปัญหาได้หลายวิธีแตกต่างกัน ซึ้งบางวิธีอาจใช้เวลาในการแก้ปัญหามาก
ดังนั้นในการแก้ปัญหาจึงต้องหาวิธีที่เหมาะสมที่สุด

ขั้นที่3 นำเอาวิธีการที่เลือกไปใช้แก้ปัญหา
เมื่อเลือกวิธีการแก้ปัญหาที่เหมาะสมได้แล้ว จึงดำเนินการแก้ปัญหา

ขั้นที่4 ตรวจสอบ
เมื่อทำการแก้ปัญหาตามวิธีการที่เลือกแล้วต้องตรวจสอบดูว่า วิธีการที่เลือกมานั้นสามารถแก้ปัญหาได้หรือไม่ หรือเป็นวิธีการแก้ที่ได้ผลลัพธ์ถูกต้องหรือไม่ ถ้าการแก้ปัญหาไม่ได้ผลหรือได้ผลไม่ดีเท่าที่ควร
ให้ย้อนกลับไปปฏิบัติตามขั้นตอนใหม่อีกครั้ง

 ตัวอย่างการใช้หลักการเบื้องต้นของการแก้ปัญหา


               ในวิชาการงานอาชีพเเลละเทคโนโลยี ครูให้นักเรียนทำรายงานส่ง เรื่อง หลักการทำงานเเละอุปกรณ์พื้นฐานของคอมพิวเตอร์ โดยให้จัดทำเป็นรูปเล่มพร้อมภาพประกอบสวยงาม

ขั้นที่ 1 ทำความเข้าใจปัญหา ในการจัดทำรายงานสามารถทำได้หลายวิธี เเต่ต้องการวิธีที่จะทำให้รายงานที่เป็นระเบียบ สวยงาม และสามารถเเก้ไขเนื้อหาได้เมื่อเกิดความผิดพลาด

ขั้นที่ 2 หาและเลือกวิธีการเเก้ปัญหา เมื่อทำความเข้าใจปัญหาเเล้ว จะพบว่าการจัดทำรายงานมี 3 วิธีการด้วยกันคือ
ซึ่งวิธีการจัดทำรายงานแต่ละวิธีมีข้อดี-ข้อเสีย เเละระยะเวลาในการทำเเตกต่างกัน

การจัดเก็บข้อมูลเป็นฐานข้อมูลได้เปรียบกว่าการจัดเก็บข้อมูลแบบแฟ้มข้อมูล  ดังนี้


1. หลีกเลี่ยงความขัดแย้งของข้อมูล  การจัดเก็บข้อมูลแบบแฟ้มข้อมูล  โดยข้อมูลเรื่องเดียวกันอาจมีอยู่หลายแฟ้มข้อมูล     ซึ่งก่อให้เกิดความขัดแย้งของข้อมูลได้ 
(  Inconsistency  ) 

 2. สามารถใช้ข้อมูลร่วมกันได้  ฐานข้อมูลเป็นการจัดเก็บข้อมูลรวมไว้ด้วยกัน  เมื่อผู้ใช้ต้องการข้อมูลจากฐานข้อมูล   ซึ่งเป็นข้อมูลที่มาจากแฟ้มข้อมูลที่แตกต่างกันจะทำได้ง่าย
  3. สามารถลดความซ้ำซ้อนของข้อมูล  การจัดเก็บข้อมูลในลักษณะแฟ้มข้อมูล  อาจทำให้ข้อมูล      ประเภทเดียวกันถูกเก็บไว้หลาย ๆ แห่ง  ทำให้เกิดความซ้ำซ้อน  (Reclundancy  )
ขั้นที่ 3  นำเอาวิธีการที่เลือกไปใช้เเก้ปัญหา เลือกจัดทำรายงานโดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เพราะมีข้อดีมากกว่าวิธีการอื่น

ขั้นที่ 4 ตรวจสอบ นำรายงานที่เสร็จเรียบร้อยเเล้วมาอ่านทบทวนอีกครั้ง เมื่อต้องการเเก้ไขคำ เพิ่มเนื้อหา หรือเปลี่ยนภาพประกอบ ก็สามารถเเก้ไขได้ทันที่

คำถาม

1.กลุ่มของนักเรียนเลือกเเก้ปัญหาการเรียนไม่เข้าใจในวิชาใด เพราะเหตุ

2.นักเรียนคิดว่ากิจกรรมนี้มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร

3.นักเรียนคิดว่าขั้นตอนในการเเก้ปัญหาขั้นตอนใดสำคัญมากที่ เพราะเหตุใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น